“พ่อใหม่หนูเป็นคนต่างชาติ หนูหลบหน้า ไม่อยากพูดกับเขาเลย”

น้องมุก นักเรียนชั้น ม.3 คนที่กลัวการใช้ภาษาอังกฤษมากๆ แม้กระทั่ง คุณพ่อชาวต่างชาติ มุกยังไม่ยอมคุยด้วย เธอมักจะหนีเข้าห้องไปดูการ์ตูนอยู่คนเดียวจนกระทั่ง มุกได้มาเรียนภาษาอังกฤษกับครูเต๋อ…

ครูเต๋อ เป็น คุณครูในโครงการ Teach For Thailand จบเอกภาษาและวัฒนธรรมจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงตัดสินใจมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพราะเป็นวิชาที่ถนัดและรู้สึกว่าตัวเองสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ

        ในเทอมแรก  ครูเต๋อเข้ามาสอนด้วยความกระตือรือร้นและพลังบวก แต่พอมาสอนนักเรียนจริงๆ แล้วปรากฏว่า นักเรียนไม่สนใจเรียน หลับในห้อง เคยถึงขั้นเตะตะกร้อในห้องเรียน ทำให้ครูเต๋อถึงกับช็อค! ครูเต๋อจึงพยายามทำความเข้าใจและยอมรับความเป็นจริงว่า ‘ครูเต๋อกับนักเรียนไม่เหมือนกัน’ ไม่ใช่ทุกคนจะชอบเรียนภาษาอังกฤษเหมือนครูเต๋อ เธอจึงพยายามปรับรูปแบบการสอนใหม่และคิดว่าสิ่งเดียวที่ต้องทำคือการยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง และกล้าที่จะปรับตัวเองเพื่อนักเรียน ต้องไม่ยึดติดกับหนังสือ เพราะนั่นคือสิ่งที่ครูอยากสอน แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนอยากเรียนก็ได้  จนเมื่อครูเต๋อได้มาสอนน้องมุก

       ครูสังเกตเห็นว่า มุกมีทักษะภาษาอังกฤษน้อยกว่าเพื่อน เวลาที่ครูถามคำถาม มุกมักจะไม่ตอบ แต่พยักหน้า ครูเต๋อจึงพยายามให้กำลังใจและเปิดโอกาสในการเรียนรู้โดยให้มุกได้ลองตอบ ครูเต๋อใช้การสอนอ่านแบบโฟนิกส์ (Phonics) นั้นก็คือ วิธีการเรียนอ่าน เขียนและออกเสียงภาษาอังกฤษ โดยใช้หลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร A ถึง Z โดยผู้เรียนจะต้องทำความเข้าใจการออกเสียงของตัวอักษรแต่ละตัวว่าตัวอักษรนั้นมีวิธีการออกเสียงแบบใดถึงจะถูกต้องและผสมเสียงออกมาเป็นคำได้  หลังจากใช้วิธีนี้ ครูเต๋อพบว่ามุกและนักเรียนคนอื่นๆมองภาษาอังกฤษในทางบวกมากขึ้น เปิดใจมากขึ้น พอนักเรียนเริ่มอ่านออก เขาก็ไม่มองว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาเอเลี่ยนเหมือนเมื่อก่อน ครูเต๋อยังสอนโดยการใช้จุดที่นักเรียนสนใจ เช่น เด็กๆ สนใจเรื่องแฮร์รี่พอตเตอร์ ครูก็นำคลิปวีดิโอเรื่อง แฮร์รี่พ็อตเตอร์มาเปิดให้ดูเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษ 

“ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราพยายามยังไงเดี๋ยวก็ได้” ครูเต๋อบอกกับเด็กๆ 

เทอมถัดมา ครูเต๋อสังเกตว่ามุกกล้าตอบคำถามในชั้นเรียนมากขึ้น  มุกเริ่มเปิดใจให้ภาษาอังกฤษจากการเปิดใจให้ครูผู้สอน  

จากที่สะกดคำอะไรไม่ได้เลย ก็เริ่มสะกดได้
จากที่อ่านไม่ได้เลย เธอก็เริ่มอ่านคำพื้นฐานง่ายๆได้
จากที่ฟังไม่ได้เลย กลายเป็นเริ่มฟังได้

พอมุกเริ่มฟังภาษาอังกฤษได้ เธอก็พยายามฝึกการฟังภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะครูเต๋อเคยบอกว่า ต้องฝึกฟังบ่อยๆ ให้เคยชินถึงจะฟังได้ดี  

วันหนึ่ง มุกได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ มุกถึงได้รู้ว่าพ่อสร้างบ้านใหม่ให้มุก ทำประตูให้ปลอดภัยขึ้น ทำห้องครัวให้ใหม่ แม้ว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมาก มุกรู้เลยว่าทั้งสองท่านกำลังทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเธออยู่แต่นอกเหนือจากเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวที่มุกเข้าใจคนในครอบครัวมากขึ้น มุกดีใจและยิ้มออกมาเลยเมื่อรู้ว่าตนเองฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง

“แต่ก่อนหนูกลัวภาษาอังกฤษมาก คือพ่อใหม่หนูเป็นคนต่างชาติ หนูหลบหน้า ไม่ตั้งใจฟัง ไม่อยากพูดกับเขาเลย แต่พอเรียนกับครูเต๋อ ก็ลองฟังเขาบ้าง จับใจความได้บ้างแล้วถึงมารู้ว่าเขาทำเพื่อหนูเยอะมาก คือเขาสร้างบ้านให้หนูอยู่ แต่คือตอนแรกหนูปิดกั้นจากเขามาก ไม่ยุ่งเลยแต่พอมาเรียนกับครูเต๋อ ทำให้หนูอยากไปต่างประเทศ อยากเรียนให้เข้าใจ รู้สึกดีที่เข้าใจภาษาอังกฤษ  ตอนที่ฟังภาษาอังกฤษออก ตอนนั้นคือหนูยิ้มเลย ดีใจกับตัวเองว่าเราฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง จากที่หนูปิดประตูห้องดูการ์ตูนอยู่คนเดียว แต่เดี๋ยวนี้หนูดูซีรีย์เป็นภาษาอังกฤษ” 

มุกเป็นตัวอย่างหนึ่งของนักเรียนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงจากความกลัวภาษาอังกฤษ แต่พอเธอลองเปิดใจเรียนรู้ และใช้เวลานอกห้องเรียนเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มจากการดูหนัง ดูซีรีย์ ฟังเพลง จากวิชาที่น่ากลัวก็กลายเป็นความสนุกและความภูมิใจในตัวเองที่ฟังได้ อ่านได้ สื่อสารกับชาวต่างชาติรู้เรื่อง

ขณะเดียวกัน ครูผู้สอน คือ บุคคลสำคัญที่จุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน  เพราะเมื่อครูทำให้นักเรียนรู้สึกอยากที่จะเรียนรู้ได้แล้ว หนทางที่เด็กๆ จะขวนขวาย ศึกษาต่อเองก็จะยิ่งมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น

ขอขอบคุณเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจจาก ‘น้องมุก’ และ ‘ครูเต๋อ ปวิณา วัฒนาภา’ คุณครูในโครงการครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง Teach For Thailand

 

#ร้อยพลังการศึกษาX@TeachForThailand