เด็กแสบที่กลายเป็นแบบอย่าง

‘นิล’ นักเรียนที่ครูได้ยินชื่อแล้วต้องส่ายหน้า เป้าหมายการมาโรงเรียนของเขา คือการไปเล่นบอลอย่างเดียว นิลเคยโดดเรียนเพื่อไปเตะบอลถึง 6 คาบ/วัน เวลาถูกครูไล่ นิลก็จะหนีไปนั่งเล่นในห้องน้ำ ไม่ขึ้นเรียน บ้างก็โดดเรียนออกไปเล่นเกม ยังมีวีรกรรมที่เขียนฉายาล้อเลียนครูบนโต๊ะจนครูจับได้

ตั้งแต่ตอน ม.3 มีรุ่นพี่ชวนไปเที่ยวกลางคืน กินเหล้า นิลก็ไปเที่ยวทุกวัน  ตอนเช้าไปเรียนถ้าไม่โดดก็หลับ ไม่เคยเรียนเลย พอขึ้นมา ม.4 เกรดตกมาก ขนาดวิชาคณิตศาสตร์ที่นิลเก่งและถนัดที่สุด เขาเรียนแต่ไม่ส่งงานจึงได้แค่เกรด 1  เวลามีครูมาแนะแนวอะไร นิลก็ไม่ฟัง ตอนนั้นนิลคิดแค่ว่าจบ ม.6 มาก็คงหางานทำ เลี้ยงตัวเองได้ 

จนกระทั่ง นิลขึ้น ม.6 นิลออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนอีกเช่นเคย ขากลับนิลนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์เพื่อน จู่ๆ ก็มีของแข็งฟาดเข้าที่หัวของนิลอย่างแรง  นิลหันไปเห็นกลุ่มวัยรุ่น 3-4 คน แอบซุ่มอยู่บริเวณเกาะกลางถนน เห็นขวดแก้วหล่นอยู่ ตอนนั้น นิลรู้สึกโกรธแค้นและบอกให้เพื่อนขับรถกลับไปเอาเรื่อง  แต่มีผู้ใหญ่เห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาห้ามและบอกให้รีบไปโรงพยาบาล นิลหันกลับมาดูตัวเองอีกทีก็เลือดไหลเต็มตัวแล้ว นิลรู้สึกชา และเพิ่งรู้ว่าหัวของเขาแตก แก้วบาดใบหูของนิลเกือบขาด ผู้ใหญ่ท่านนั้นรีบพานิลส่งโรงพยาบาล หมอต้องเย็บแผลที่หัว 5 เข็ม และที่หูของนิลอีก 12 เข็ม รวม 17 เข็ม

“ชีวิตเรามันไม่ดีเลย ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้” 

ถ้ายังเป็นแบบเดิมต่อไป นิลคิดว่าชีวิตของเขาคงไม่มีทางดีขึ้นแน่ มีแต่จะแย่ลง นิลจึงเริ่มกลับมาเรียนและพยายามส่งงานครูให้ครบ แต่ก็ยังติด 0 วิชาภาษาอังกฤษ (ที่ติดมาตั้งแต่ ม.4)  ทำให้นิลต้องมาแก้ 0 กับครูแม๊พ   ในระหว่างช่วงที่แก้ 0  ครูแม๊พพยายามแนะแนวการเข้ามหาวิทยาลัยให้กับนิล 

“ผมอยากเปลี่ยนตัวเอง ไม่อยากมีชีวิตแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ผมอยากเข้ามหา’ลัย แต่มันเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเองครู จะทันหรอ”
“1 เดือน ถ้าคุณพยายาม มันก็ทัน”
“ผมต้องทำยังไง”

สิ่งที่ครูแม๊พทำ คือ วางแผนให้นิลอ่านหนังสือตั้งแต่ตี 4 จนถึงเวลาออกมาโรงเรียน หลังเลิกเรียนก็ต้องกลับไปอ่านหนังสือยาวถึงเที่ยงคืน  นอนวันละ 4 ชั่วโมง แล้วตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือ ทำแบบนี้อยู่ทุกวันตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่เหลือ ครูแม๊พเห็นว่านิลอ่อนภาษาอังกฤษมาก จึงเพิ่มการติววิชาภาษาอังกฤษให้กับนิล ทั้งช่วงเย็นหลังเลิกเรียนและวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 6-7 ชั่วโมง/วัน ใช้เวลาพักแค่เข้าห้องน้ำ หรือกินขนมเล็กน้อย นั่งเรียนยาวจนร้านกาแฟปิด 

เกรดเฉลี่ยกับคะแนน O-net ที่ไม่ได้ดีมาก กิจกรรมที่โรงเรียนก็ไม่เคยทำ ทำให้ไม่มีแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) สำหรับยื่นรอบโควต้า โอกาสสุดท้ายที่นิลจะติดมหาวิทยาลัย เหลือเพียงการยื่น “คะแนนสอบ 9 วิชาสามัญ”

ครูแม๊พจึงช่วยหาหนังสือ ข้อสอบ ใบงาน ใบความรู้ แนะนำคลิปวิดีโอให้นิลไปศึกษาต่อเอง เวลาครูให้นิลทำข้อสอบ ครูยึดมือถือ และเอานาฬิกาของครูให้นิลเข้าไปนั่งทำข้อสอบในห้อง ครั้งแรกที่ได้เห็นคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของตนเอง นิลถึงกับท้อเพราะได้แค่ 10 คะแนน จาก 100 คะแนน

“เวลาเหลือแค่เดือนเดียวเอง ผมคงทำไม่ได้”  

ครูแม๊พพยายามให้กำลังใจนิลว่าหากเขาทำแบบฝึกหัด ทำข้อสอบจำนวนมากจะช่วยให้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษของเขาดีขึ้นได้  ครูแม๊พจึงให้นิลมาท่องคำศัพท์ทุกเย็นเพิ่ม ส่งคลิปสอนภาษาอังกฤษกว่า 40-50 ชั่วโมงให้นิลดู นิลก็นั่งดูคลิปทั้งวัน เรียกได้ว่าเวลาว่างนิลอยู่กับการเรียนอย่างเดียว เพื่อนชวนไปกินเหล้า นิลก็ปฏิเสธ เพราะตอนนั้นตั้งเป้าหมายว่าต้องเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

ช่วงเวลา 1 เดือนที่เหลือ นิลทุ่มไปกับการเรียนรู้ อ่านหนังสือ ทำข้อสอบ ดูคลิปสื่อการสอนทุกวัน แรงผลักดันจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต และคำดูถูกจากคนอื่นที่สบประมาทว่าชีวิตเขาคงไปได้ไม่ไกล อีกทั้ง มีครูแม๊พเข้ามาช่วยชี้แนวทางที่จะทำให้เขาไปสู่ความสำเร็จ ทำให้นิลพยายามมากที่สุดเท่าที่จะทำได้กับเวลาที่เหลือ

และแล้ววันประกาศผลสอบ TCAS รอบที่ 3 ก็มาถึง

ผลปรากฎว่า…..

“นิลสอบติดคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้เกรดเฉลี่ยสูงสุดของสายชั้น (เกรดเฉลี่ย 3.7 จากแต่ก่อนที่เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2.5) เป็นคนแรกของโรงเรียนที่สอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำโดยใช้คะแนนสอบ”

นิลโผเข้ากอดแม่ด้วยความดีใจ จากเด็กชายที่ไม่เคยกอดแม่เลย เพราะปกติไม่ใช่คนที่แสดงออกความรู้สึก แต่วันนี้นิลทำให้แม่ได้เห็นแล้วว่าเขาทำสำเร็จ

“แม่ นิลทำได้แล้ว ต่อไปนิลจะทำงานหาเงินเลี้ยงแม่เอง”

จากเด็กนักเรียนที่ถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา นิลกลายมาเป็นรุ่นพี่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นน้อง นิลกลับมาบอกเล่าเรื่องราวให้น้องๆที่โรงเรียนได้ฟัง ทำให้รุ่นน้องหลายคนตั้งใจอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้บ้าง บางคนก็เข้าไปหาครูแม๊พอยากให้ครูแม๊พช่วยติวให้เพราะอยากสอบติดมหาวิทยาลัยแบบพี่นิล

“ครูแม๊พเข้ามาเปลี่ยนทั้งอนาคต ความรู้ และทัศนคติของผม เขาบอกผมว่าถ้าไม่ทำ ก็ไม่ได้หรอก ของอย่างนี้ใครทำใครได้ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง ยังคิดไม่ได้  ถ้าผมไม่เจอครูแม๊พ ผมไม่รู้เลยว่าป่านนี้ชีวิตผมจะเป็นยังไง”  นิลกล่าว

ครูผู้ชี้ทางแห่งโอกาส พยายามผลักดันให้ศิษย์ไปสู่ฝั่งฝัน ความสำเร็จก้าวแรกของนิลอาจจะไม่เกิดขึ้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากครูแม๊พ ขณะเดียวกัน แม้ว่าครูจะพยายามช่วยแค่ไหนแต่ถ้านิลไม่พยายามด้วยตนเองก็คงประสบความสำเร็จไม่ได้เช่นกัน

ความสำเร็จที่ได้มาไม่ง่าย แต่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าที่เคยเป็นอยู่หลายเท่าจึงทำให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงทีละนิดในแต่ละวันนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้  แม้ว่านิลจะเคยผิดพลาดและการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใช่ว่ามันจะยากเกินไป ขอเพียงเราลองทุ่มสุดตัวกับเป้าหมายและเต็มที่กับสิ่งที่ทำอยู่ในแต่ละวัน 

ขอขอบคุณเรื่องราวจากน้องนิล, คุณครูจีรพันธ์ จารุเดชารัตน์ (ครูแม๊พ) คุณครูในโครงการครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง Teach For Thailand

#ร้อยพลังการศึกษาX@TeachForThailand